Mercedes-Benzผลิตรถบรรทุกกึ่งไร้คนขับ
https://chipathait.blogspot.com/2014/10/mercedes-benz.html
Mercedes-Benz เชื่อว่า รถบรรทุกกึ่งไร้คนขับจะสามารถช่วยลดอุบัติเหตุที่เกิดบนท้องถนนที่มีคนเสียชีวิตนับหลายพันรายต่อปี
เจ้ารถบรรทุกคันนี้คาดว่าน่าจะออกจำหน่ายได้จริงในปี 2025 แต่คุณสมบัติของมันนั้นไม่ได้ทำงานเหมือนรถไร้คนขับของกูเกิล ที่แค่บอกปลายทางรถจะขับไปให้เอง แต่ระบบของ Mercedes-Benz จะเหมือนคล้ายๆกับโหมดอัตโนมัติของเครื่องบิน ระบบนี้ประกอบด้วยกล้อง 2 ตัวสำหรับจับตาดูคนขับ, เซนเซอร์และเรด้าห์รอบคันรถ และเทคโนโลยีตรวจจับจุดอับสายตาเอาไว้วิเคราะห์การจราจรและสถานการณ์บนท้องถนนรอบๆคันรถโดย Mercedes ตั้งชื่อระบบนี้ว่า “Highway Pilot”
ถ้าระบบนี้เป็นไปได้ด้วยดี นั่นหมายความว่า คนขับสามารถขับรถได้อย่างสบายใจ สามารถทำกิจกรรมอื่นๆขณะขับรถได้ รวมถึงนอนพักผ่อนเอาแรงได้ ซึ่งจะช่วยลดอุบัติเหตุที่เกิดจากการหลับในได้ ในส่วนของการออกแบบภายในนั้นเรียกว่าเรียบหรูในสไตล์ของ Mercedes ไม่ว่าจะเป็นจอสัมผัส, พื้นไม้, ไฟ ambient และพื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างสบายขึ้น ส่วนด้านนอกนั้นก็ออกแบบตามหลักแอโรไดนามิค หน้าตาโฉบเฉี่ยวทันสมัยด้วยแผงไฟ LED สุดเด่นที่เปลี่ยนสีได้ ในส่วนของความเร็ว รถคันนี้วิ่งได้ 50mph หรือประมาณ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ส่วนปัญหาหลักตอนนี้ก็คือกฎหมายของรถไร้คนขับที่หลายๆประเทศยังไม่อนุญาตให้นำมาขับจริงบนท้องถนนได้ นอกจากนั้นมันยังเป็นแค่รถต้นแบบ กว่าจะนำมาผลิตขายจริงก็น่าจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 10 ปีค่ะ
ที่มา theverge
เจ้ารถบรรทุกคันนี้คาดว่าน่าจะออกจำหน่ายได้จริงในปี 2025 แต่คุณสมบัติของมันนั้นไม่ได้ทำงานเหมือนรถไร้คนขับของกูเกิล ที่แค่บอกปลายทางรถจะขับไปให้เอง แต่ระบบของ Mercedes-Benz จะเหมือนคล้ายๆกับโหมดอัตโนมัติของเครื่องบิน ระบบนี้ประกอบด้วยกล้อง 2 ตัวสำหรับจับตาดูคนขับ, เซนเซอร์และเรด้าห์รอบคันรถ และเทคโนโลยีตรวจจับจุดอับสายตาเอาไว้วิเคราะห์การจราจรและสถานการณ์บนท้องถนนรอบๆคันรถโดย Mercedes ตั้งชื่อระบบนี้ว่า “Highway Pilot”
ถ้าระบบนี้เป็นไปได้ด้วยดี นั่นหมายความว่า คนขับสามารถขับรถได้อย่างสบายใจ สามารถทำกิจกรรมอื่นๆขณะขับรถได้ รวมถึงนอนพักผ่อนเอาแรงได้ ซึ่งจะช่วยลดอุบัติเหตุที่เกิดจากการหลับในได้ ในส่วนของการออกแบบภายในนั้นเรียกว่าเรียบหรูในสไตล์ของ Mercedes ไม่ว่าจะเป็นจอสัมผัส, พื้นไม้, ไฟ ambient และพื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างสบายขึ้น ส่วนด้านนอกนั้นก็ออกแบบตามหลักแอโรไดนามิค หน้าตาโฉบเฉี่ยวทันสมัยด้วยแผงไฟ LED สุดเด่นที่เปลี่ยนสีได้ ในส่วนของความเร็ว รถคันนี้วิ่งได้ 50mph หรือประมาณ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ส่วนปัญหาหลักตอนนี้ก็คือกฎหมายของรถไร้คนขับที่หลายๆประเทศยังไม่อนุญาตให้นำมาขับจริงบนท้องถนนได้ นอกจากนั้นมันยังเป็นแค่รถต้นแบบ กว่าจะนำมาผลิตขายจริงก็น่าจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 10 ปีค่ะ